เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange) เหล็กไอบีม (I beam) ต่างกันอย่างไร

เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange) เหล็กไอบีม (I beam) ต่างกันอย่างไร

            ในปัจจุบันได้มีการนำเหล็กมาใช้ในงานโครงสร้างกันอย่างแพร่หลาย มายว่าจะเป็น บ้าน อาคาร โกดัง ต่างๆเป็นต้น เพราะเหล็กมีความแข็งแรง สะดวก มีความรวดเร็วในการติดตั้ง ตลอดจนมีการออกแบบเพื่อโชว์ตัวเหล็กที่เป็นโครงสร้างให้มีความสวยงามอีกด้วย

             บางครั้งเรามองผ่านๆหน้าตาของเหล็กจะคล้ายๆกัน ทำให้เราไม่สามารถแยกชนิดของเหล็กได้ นั้นหมายความว่าจะมีผลต่อการนำไปใช้งานให้ตรงกับลักษณะงานก่อสร้างของเรา รวมไปถึงราคาที่จะต้องจ่ายออกไปอีกด้วย เหล็กรูปพรรณที่มีขายตามท้องตลาด และหน้าตาคล้ายๆกัน คือ เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange) เหล็กไอบีม (I beam)
             โดยทั้ง 2 ชนิดจะมีส่วนประกอบเหมือนกันคือ แนวนอนเรียกว่า ปีก (flange) บน – ล่าง และแนวตั้ง เรียกว่า แผ่นตรงกลาง (web) ซึ่งจะต้านแรงเฉือน ในขณะที่ปีกจะต้านทานโมเมนต์ดัด

รูปแสดง ลักษณะของเหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange) และ เหล็กไอบีม (I beam)

            โดยทั้ง 2 ชนิดจะมีความแตกต่างกันคือ  

           ลักษณะของเหล็ก

           เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange) จะมีรูปหน้าตัดเป็นแบบ W ความกว้างของแผ่นเหล็กตรงกลางจะมากกว่าปีกทั้งที่ข้าง และ มีความหนาเท่ากันตลอดทั้งแผ่นและใกล้เคียงกันความหนาของแผ่นตรงกลาง

           เหล็กไอบีม (I beam) จะมีรูปหน้าตัดเป็นแบบ s ปีกบนและปีกล่างเป็นแผ่นเอียง ความหนาของเหล็กมากกว่าความหนาของแผ่นตรงกลาง

             รูปแสดง เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange)                            รูปแสดง เหล็กไอบีม (I beam)

            ลักษณะของการใช้งาน

            เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange) เหมาะสำหรับงานก่อสร้าง เสา คาน โครงสร้างหลังคา นิยมในงานโครงสร้าง ซึ่งนำมาใช้แทนโครงสร้างคอนกรีต เพราะการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน ลดขั้นตอนการทำงาน การดูแลรักษาที่ทำได้ง่ายกว่า และมีสไตล์ที่โดดเด่นกว่า
            เหล็กไอบีม (I beam)  เหมาะสมกับงานก่อสร้างที่รับน้ำหนักมาก รับแรงกระแทกสูง เหมาะสมกับงานที่เฉพาะเจาะจง เช่น รางเลื่อนของเครนในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีความหนามากกว่าเหล็กชนิดอื่น จะนิยมนำไปทำรางเคนยกของที่มีน้ำหนักมาก

รูปแสดง เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide flange)

รูปแสดง เหล็กไอบีม (I beam)